อยากซัก ผ้านวม ให้สะอาดล้ำลึกต้องทำแบบนี้

อยากซัก ผ้านวม ให้สะอาดล้ำลึกต้องทำแบบนี้

การทำความสะอาดเครื่องใช้สำหรับที่นอน เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างมาก  เพราะเราต้องไม่ลืมว่าที่นอน เป็นตำแหน่งที่เราจำเป็นต้องอยู่ประจำตรงนั้นเป็นเวลานานที่ในแต่ละวัน ! บางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่ หรอก ที่ทำงานต่างหาก ! แต่ลองคิดดูดีๆ อีกครั้ง ไม่มีที่ไหนในแต่ละวันที่เราจะอยู่นิ่งๆ ตรงนั้นนานเท่ากับเตียงนอน... ที่อื่นเรายังมีการลุกไปมาบ้าง แต่บนที่นอน เราต้องนอนหลับยาวติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆ ชั่วโมง อยู่ตรงนั้น ดังนั้น หากว่าเครื่องใช้บนที่นอนของเราไม่สะอาด ก็ย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของเราได้มากกว่าที่อื่น เราจึงควรทำความสะอาด ของใช้บนเตียงนอนเป็นประจำ แต่... อย่างไรก็ตาม มันมีเครื่องนอนอย่างหนึ่งที่ใครๆ ก็รู้สึกเหนื่อยใจที่จะทำความสะอาด เพราะมันมีความใหญ่หนาทำให้ยากต่อการทำความสะอาดให้หมดจดได้ สิ่งนั้นก็คือ... “ผ้านวม

วิธีในการซัก ผ้านวม ไม่ได้ยากหรือลำบากอย่างที่หลายๆ คนคิด หากว่าทราบวิธีในการจัดการกับมัน ซึ่งวิธีการก็คือ...

  1.  ตรวจดูให้แน่ใจเรื่องวิธีการซัก ผ้านวม ผืนนั้นๆ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีคำแนะนำในการทำความสะอาดติดมาในตอนที่เราซื้อ ผ้านวม มาอยู่แล้วเป็นขั้นตอนแรกที่เราต้องทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย

  2.  เลือกวิธีในการซัก ซึ่งก็มีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ ซักด้วยเครื่องกับซักด้วยมือ หากเป็นการซักด้วยเครื่องก็ต้องเลือกขนาดของเครื่องให้ใหญ่เพียงพอกับขนาดของ ผ้านวม

  3.  เลือกสารที่จะใช้ทำความสะอาด ซึ่งอยากแนะนำให้ใช้แบบที่เป็นของเหลวมากกว่าผงซักฟอก เพราะมันสามารถซึมเข้าทำความสะอาดผ้าเนื้อหนาได้สะดวกกว่าผงซักฟอก ที่อาจจะเข้าไปติดตามซอกผ้าทำให้ทำความสะอาดไม่ได้กลายเป็นคราบตกค้าง หากจะใช้ผงซักฟอก ก็ต้องเลือกชนิดที่ละลายน้ำได้ดี และทำการละลายเสียก่อนเอามาใช้

  4.  แช่ ผ้านวม ในน้ำผสมสารทำความสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้คราบสกปรกและฝุ่นผงหลุดออกจากผ้าได้ง่าย และหากเป็นการซักด้วยเครื่องซักผ้าที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ ก็ให้ตั้งอุณหภูมิไปที่ 40 องสาเซลเซียส

  5.  หลังจากทำการซักและปั่นแห้งเสร็จ ให้นำ ผ้านวม ไปตาก แดดจัดๆ ให้แห้งสนิท ซึ่งต้องตรวจดูว่ามันแห้งจริงหรือไม่ หากมีบางส่วนไม่แห้ง อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอับ หรือหนักหนาขนาดเกิดเชื้อราขึ้น ผ้านวม ได้ และหากเป็นไปได้ หลังจากตากแห้งแล้ว ให้นำไปเข้าเครื่องอบผ้าอีกครั้ง เพื่อให้แห้งสนิท และความร้อนในการอบสามารถฆ่าเชื้อโรค และกำจัดไรฝุ่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งทำให้เนื้อผ้ากลับมาฟูนุ่มอีกครั้ง